โรงเรียนแผนที่ กรมแผนที่ทหาร

ประวัติโรงเรียนแผนที่
รัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นสมัยเริ่มแรกของการพัฒนาประเทศอย่างกว้างขวางยิ่ง เพื่อให้ทันกับความจำเป็นของสถานการณ์ที่กำลังคุกคามต่อเอกราชของสยามในยุคนั้น การทำแผนที่แผนใหม่ซึ่งต้องอาศัยหลักวิชาและอุปกรณ์เครื่องมือของประเทศฝ่ายตะวันตกก็ได้เริ่มขึ้นในรัชกาลนี้ด้วยเช่นกัน
หลังจากที่เสด็จประพาสรอบแหลมมลายู ชวาและอินเดีย ใน พ.ศ.2416 แล้ว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงนำ นายเฮนรี่ อลาบาสเตอร์ ที่เคยทำหน้าที่รองกงสุลอังกฤษในเมืองไทยมาก่อนนั้น กลับเข้ามารับราชการเป็นที่ปรึกษาส่วนพระองค์ด้วย
นายเฮนรี่ อลาบาสเตอร์ ได้กราบบังคมทูลถวายคำแนะนำในการทำนุบำรุงบ้านเมืองด้วยวิชาการสมัยใหม่หลายสาขา รวมทั้งวิชาการสำรวจและทำแผนที่ ซึ่งทรงเห็นว่ามีประโยชน์มาก ดังนั้นจึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งกองทำแผนที่ทดลองขึ้น ใน พ.ศ.2418 มี นายเฮนรี่ อลาบาสเตอร์ นั้นเองเป็นหัวหน้า มีกัปตันลอฟตัสเป็นผู้ช่วยร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยอีก 4 นาย ได้แก่ ม.ร.ว.แดง เทวาธิราช นายทัด ศิริสัมพันธ์ นายสุด และ ม.ร.ว.เฉลิม เริ่มสำรวจทำแผนที่ในกรุงเทพฯ เพื่อตัดถนนเจริญกรุงและถนนอื่นๆ อีกหลายสาย ต่อจากนั้นก็ได้ทำแผนที่วางสายโทรเลขไปยังพระตะบอง และแผนที่บริเวณปากอ่าวสยาม เพื่อประโยชน์ในการเดินเรือและเป็นแนวทางในการป้องกันฝั่งทะเล เนื่องจากเกรงว่าอาจมีการรุกรานจากต่างประเทศ
ครั้น พ.ศ.2423 รัฐบาลอังกฤษได้ขออนุญาตรัฐบาลสยาม เพื่อให้กองทำแผนที่ กรมทำแผนที่แห่งอินเดีย ซึ่งมีกัปตัน เอช.ฮิล เป็นหัวหน้า และนายเจมส์ เอฟแมคคาร์ธี เป็นผู้ช่วย เดินทางผ่านเข้ามาในประเทศสยามเพื่อดำเนินการวางโครงข่ายสามเหลี่ยมต่อเนื่องจากประเทศอินเดีย ผ่านพม่า เข้าเขตประเทศสยามทางจังหวัดราชบุรี เพื่อเข้าบรรจบกับแผนที่ทางทะเลที่ปากแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้งขอสร้างหมุดหลักฐานทางแผนที่ภูเขาทอง และที่พระปฐมเจดีย์ เพื่อใช้เป็นจุดตรวจสอบด้วย ครั้งนั้นข้าราชการไทยหวั่นวิตกเป็นอันมาก เนื่องจากได้สังเกตเห็นมาแล้วว่า ประเทศนักล่าอาณานิคมมักขอเข้าสำรวจก่อน แล้วจึงถือโอกาสเข้ายึดครองในภายหลัง
อย่างไรก็ตาม พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพิจารณาโดยรอบคอบแล้ว จึงทรงโปรดเกล้าฯ อนุโลมตามคำแนะนำของนายอลาบาสเตอร์ ที่ให้ยินยอมตามคำขอของรัฐบาลอังกฤษ ทั้งทรงเห็นชอบด้วยกับการที่จะเจรจาทาบทามตัวพนักงานทำแผนที่อังกฤษเข้ามารับราชการเพื่อเป็นการวางรากฐานการทำแผนที่ของไทยเองด้วย ผลที่สุดปรากฎว่า นายเจมส์ เอฟ แมคคาร์ธี ตกลงยินยอมเข้ารับราชการสยาม นับแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2424 โดยสังกัดฝ่ายพระกลาโหม ซึ่งมีหน้าที่บัญชาการหัวเมืองและทหารฝ่ายใต้ในขณะนั้น แต่ผู้บังคับบัญชาโดยตรง คือ พระองค์เจ้าดิสวรกุมาร (กรมพระยาดำรงราชานุภาพ) ผู้บัญชาการกรมทหารมหาดเล็ก
ภารกิจของนายเจมส์ แมคคาร์ธี ในระยะแรกได้แก่ การทำแผนที่เฉพาะกิจตามความต้องการของหน่วยราชการต่างๆ เช่น แผนที่ทางโทรเลขระหว่างระแหงถึงมะละแหม่ง แผนที่วิวาทชายแดนระหว่างอำเภอรามันปัตตานี กับเขตติดต่อแม่น้ำเประของอังกฤษ และแผนที่แม่น้ำแม่ติ่น แดนตากต่อเชียงใหม่ เพื่อประกอบกรณีพิพาทเรื่องเก็บค่าตอ เป็นต้น เจ้าหน้าที่กองสำรวจและทำแผนที่ระยะนี้ ก็ได้แก่ ข้าราชการในกรมทหารมหาดเล็กนั้นเอง
เนื่องจากความจำเป็นที่ต้องใช้แผนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนกระทั้งกองทำแผนที่เพียงกองเดียว ไม่สามารถรับภารกิจทั้งสิ้นได้ พระองค์เจ้าดิสวรกุมาร จึงทรงได้รับพระราชโองการให้ตรัสเรียกนายแมคคาร์ธีมาปรึกษา และร่วมกันจัดตั้งโรงเรียนฝึกสอนชาวสยามให้ทำแผนที่ขึ้นในระยะปลายปี พ.ศ.2425 โดยเกณฑ์เอานายทหารรักษาพระองค์ 30 นาย เข้าเป็นนักเรียนรุ่นแรก นายแมคคาร์ธี เข้ารับหน้าที่ เป็นครูใหญ่ มีนายเฮนรี่ นิโกเล เป็นครูรอง ทำการสอนภาคทฤษฎีที่ตึกแถวกองทหารมหาดเล็ก ข้างประตูพิมานไชยศรีในพระบรมมหาราชวังและนำนักเรียนออกมาฝึกทำแผนที่ทั้งในกรุงเทพฯ และมณฑลอื่นๆ
โรงเรียนแผนที่ได้ดำเนินการมาได้ราวสามปี ได้จำนวนผู้สำเร็จการศึกษามากพอที่จะตั้งหน่วยราชการขึ้นได้จึงได้ประกาศพระบรมราชโองการแยกเหล่านักสำรวจออกจากสังกัดกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ตั้งขึ้นเป็นกรมแผนที่ในวันที่ 3 กันยายน พ.ศ.2428 (ตรงกับวันพฤหัสบดี แรมเก้าค่ำ ปีระกา สัปตศก จ.ศ.1247) นายแมคคาร์ธี ซึ่งได้รับพระราชทางยศและบรรดาศักดิ์ เป็นร้อยเอกพระวิภาคภูวดล นั้น ได้รับตำแหน่งเป็นเจ้ากรม ขึ้นตรงต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีพระองค์เจ้าดิศวรกุมารเป็นผู้กำกับดูแลอีกชั้นหนึ่ง ที่ทำการของกรมในระยะแรกนี้ตั้งอยู่ที่เดียวกับโรงเรียนแผนที่นั้นเอง การแบ่งส่วนราชการในยุคนั้นยังไม่ลงตัวนัก เจ้าหน้าที่กองทำแผนที่ซึ่งจะออกสำรวจพื้นที่ตามหัวเมืองระหว่างเดือนตุลาคมถึงต้นฤดูฝน แล้วกลับมาทำการ วาด เขียน ร่าง และพิมพ์แผนที่ในสำนักงานระหว่างฤดูฝนกับผู้ทำการสอนและเรียนในโรงเรียนแผนที่เป็นบุคคลชุดเดียวกัน ผลงานสำคัญที่ควรกล่าวถึงในช่วงนี้คือ การรวบรวมข้อมูลภูมิประเทศจัดทำแผนที่พระราชอาณาจักรสยามอย่างสมบูรณ์ ตลอดจนแผนที่มณฑลต่างๆ ทั้งยังได้ทำการสำรวจวางโครงข่ายสามเหลี่ยมรอบเขตชายแดนไทยทางภาคเหนือ ซึ่งต้องหยุดชะงักลงเมื่อเกิดกรณีพิพาทเรื่องดินแดนกับประเทศฝรั่งเศสใน ร.ศ.112 (พ.ศ.2436)
ใน พ.ศ.2435 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงปฏิรูประบบราชการครั้งใหญ่ โดยแยกงานออกเป็น 12 กระทรวง กรมทำแผนที่อยู่ในความดูแลของกระทรวงพระคลังมหาสมบัติอยู่ระยะหนึ่ง จึงได้โอนไปสังกัดกระทรวงเกษตราธิการ งานทำแผนที่ในระยะนี้จึงหนักไปในด้านทำแผนที่โฉนด แผนที่การใช้ที่ดินในมณฑลต่างๆ เพื่อประโยชน์ในทางการปกครอง การเก็บภาษีอากร และการพิจารณาคดีเกี่ยวกับที่ดิน นาย อาร์ ดับลิว กิบลิน เจ้ากรมแผนที่คนที่ 2 เป็นผู้มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการคิดหารูปแบบโฉนดที่ยากแก่การปลอมแปลง โดยอาศัยระบบทะเบียนที่ดินแบบทอร์เรนส์ และกรมแผนที่เป็นผู้พิมพ์โฉนดดังกล่าวเอง
ที่ทำการของกรมแผนที่ ได้ย้ายจากที่เดิมไปอยู่กรมทหารม้ารักษาพระองค์ โรงทหารม้า เมื่อ พ.ศ.2436 แต่ในปีถัดนั้นมาเองก็ย้ายไปอยู่ที่อาคารในสวนสุนันทาลัยปากคลองตลาด และคงอยู่ ณ ที่นี้มาจนกระทั่ง พ.ศ.2474 ส่วนโรงเรียนแผนที่เมื่อย้ายออกจากพระบรมมหาราชวังแล้วก็ตั้งอยู่ที่อาคารในวังสระประทุม ซึ่งได้ใช้เป็นสาขาของกรมแผนที่ด้วยอีกโสดหนึ่ง และยังย้ายสาขาตั้งโรงเรียนแผนที่ขึ้นตามหัวเมือง เช่น พิษณุโลก ปราจีนบุรี อยุธยา ฯลฯ (ในระหว่าง พ.ศ.2442 – 2447) ใช้เป็นศูนย์การทำแผนที่ภูมิภาคด้วยในตัว เพื่อที่จะไม่ต้องเดินทางจากกรุงเทพฯ ทุกครั้งไป
กรมทำแผนที่ขึ้นอยู่ในกระทรวงเกษตราธิการจนกระทั่งถึง 1 ตุลาคม พ.ศ.2452 จึงโอนสังกัดมาขึ้นตรงกรมเสนาธิการ กระทรวงกลาโหม ตามพระราชดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้ากรมขุนพิษณุโลกประชานาถ เสนาธิการทหารบก และต่อมาเมื่อมีการแยกงานของกรมเสนาธิการ กรมแผนที่จึงมีฐานะเป็นหน่วยราชการขึ้นตรงต่อกองทัพบก นับแต่นั้นมาเป็นเวลา 54 ปี ชื่อของหน่วยงานเปลี่ยนแปลงหลายครั้งระหว่างกรมแผนที่ กรมแผนที่ทหาร และกรมแผนที่ทหารบก การแบ่งส่วนราชการภายในก็มีการปรับปรุงแก้ไขเป็นระยะหลายคราวตามลักษณะงานที่ซับซ้อนขึ้นโดยลำดับสืบมา
ช่วงเวลาระหว่าง พ.ศ.2452 – 2506 เป็นระยะที่กิจการแผนที่ของไทยขยายตัวอย่างรวดเร็ว กรมแผนที่ได้ทำหน้าที่พื้นฐานของความเจริญด้านนี้โดยตรง แม้จะได้มีการตั้งหน่วยราชการที่ทำแผนที่ขึ้นอีก เช่น กรมรังวัดที่ดิน ใน พ.ศ.2453 กรมอุทกศาสตร์ทหารเรือ ใน พ.ศ.2464 แต่ปรากฎว่าภารกิจของหน่วยงานเดิมก็มิได้ผ่อนเบาลง เนื่องจากความต้องการแผนที่เพิ่มพูนขึ้นตามลำดับ ในชั้นเดิมแผนที่ที่ผลิตขึ้นใช้กลวิธีแบบโต๊ะราบ ซึ่งไม่สู้ทันกับความต้องการ ต่อเมื่อ พ.ศ.2472 พลตรี พระยาศัลวิธานนิเทศ เจ้ากรมแผนที่ได้เรื่มทดลองการถ่ายรูปทางอากาศเพื่อทำแผนที่ขึ้นเป็นครั้งแรก แต่กว่าจะได้ทำแผนที่จากรูปถ่ายทางอากาศกันอย่างจริงจัง ก็เมื่อได้ตั้งองค์การทำแผนที่จากรูปถ่ายทางอากาศขึ้นใน พ.ศ.2493 และปรับสภาพเป็นกรมในปีถัดมา เนื่องจากได้รับความร่วมมือจากสหรัฐอเมริกา โดยมีการเซ็นสัญญาข้อตกลงทำแผนที่ร่วมกัน กิจการของกรมแผนที่จากรูปถ่ายทางอากาศดังกล่าวได้โอนเข้าร่วมกับกรมแผนที่ทหารบกในวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ.2497 กรมแผนที่ทหารบก จึงเป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการผลิตแผนที่จากรูปถ่ายทางอากาศมาแต่บัดนั้น
ต่อมากระทรวงกลาโหมปรับปรุงโครงสร้างภายในครั้งใหญ่ใน พ.ศ.2506 โดยได้จัดตั้งกองบัญชาการทหารสูงสุด ขึ้นเป็นศูนย์กลางการประสานงานระหว่างเหล่าทัพ กรมแผนที่ทหารบกมีภารกิจต้องสนับสนุนทั้งหน่วยงานในกระทรวงกลาโหม และกระทรวง ทบวง กรม อื่นๆ ด้วย จึงได้โอนย้ายมาสังกัดกองบัญชาการทหารสูงสุด และเปลี่ยนชื่อเป็น “กรมแผนที่ทหาร” มาจนกระทั่งปัจจุบัน ส่วนสถานที่ทำการนั้นสำนักงานส่วนใหญ่ได้ย้ายจากอาคารที่ปากคลองตลาดมาตั้งอยู่ ณ อาคารริมถนนบำรุงเมืองตอนต้น (ถนนกัลยาณไมตรีปัจจุบัน) แทนที่โรงเรียนนายร้อยมัธยม และกรมเสนาธิการทหารบก นับแต่ พ.ศ.2474 ภายหลังโรงเรียนแผนที่จึงได้แยกไปตั้งอยู่ ณ อาคารเดิมของกรมแผนที่จากรูปถ่ายทางอากาศที่ถนนราชดำเนินนอก และได้มีการสร้างคลังแผนที่ขึ้นอีกแห่งหนึ่งที่ถนนลาดพร้าว เขตบางกะปิ เมื่อ พ.ศ.2512 และกองบินถ่ายภาพทางอากาศได้อาศัยพื้นที่บริเวณกองทัพอากาศดอนเมืองบางส่วน ปัจจุบันจึงมีที่ทำการทั้งสิ้น 4 แห่ง ด้วยกัน
ภารกิจ
มีหน้าที่ดำเนินการสำรวจทางพื้นดินและทางอากาศเพื่อจัดทำและผลิตแผนที่และภูมิสารสนเทศ สำหรับใช้ในการรักษาความมั่นคง และการพัฒนาประเทศ ดำเนินการเกี่ยวกับงานยีออเดซีและยีออฟิสิกส์ ตลอดจนการดำเนินการเกี่ยวกับการฝึกศึกษาในสายวิทยาการเหล่าทหารแผนที่ มีเจ้ากรมแผนที่ทหาร เป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ
วิสัยทัศน์
เป็นองค์กรชั้นนำในการสำรวจและจัดทำข้อมูลแผนที่และภูมิสารสนเทศของประเทศ
เจตนารมณ์
ยึดถือนโยบายของรัฐบาล นโยบายของ รมว.กห. นโยบาย ผท.ทสส. โดยยึดมั่นต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
คุณสมบัติของผู้สมัคร
- สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย สายวิทยาศาสตร์ - คณิตศาสตร์ ตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ และมีระดับคะแนนเฉลี่ยสะสมไม่ต่ำกว่า 2.2 ตลอดช่วงชั้นที่ 4 (ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6 )
- เป็นชายโสด ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปี ถึง 20 ปี (ผู้ที่เกิดตั้งแต่ พ.ศ. 2541 - พ.ศ.2543)
- มีสัญชาติไทยโดยกำเนิด และบิดามารดามีสัญชาติไทยโดยกำเนิด แต่ถ้าบิดาเป็นนายทหารสัญญาบัตรหรือนายทหารประทวน ซึ่งมัสัญชาติไทยโดยกำเนิดแล้ว มารดาจะมิใช่เป็นผู้มีสัญชาติไทยโดยกำเนิดก็ได้
การจำหน่ายใบสมัคร
- สั่งซื้อทางไปรษณีย์ ประมาณเดือน ธันวาคม - กุมภาพันธ์ (รายละเอียดเพิ่มเติมรอประกาศรับสมัครสอบ)
- ซื้อด้วยตนเอง ณ โรงเรียนแผนที่ กรมแผนที่ทหาร ประมาณเดือน ธันวาคม - มีนาคม (เว้นวันหยุดราชการ)
การรับสมัคร
-สมัครด้วยตนเอง ณ โรงเรียนแผนที่ กรมแผนที่ทหาร ประมาณเดือน กุมภาพันธ์ - มีนาคม
-สมัครทางไปรษณีย์ ประมาณเดือน ธันวาคม - กุมภาพันธ์
แผนที่โรงเรียนแผนที่ทหาร กรมแผนที่ทหาร

คอร์สติวก่อนสอบ ปี 62
ชื่อหลักสูตร |
ค่าใช้จ่าย |
ระยะเวลา |
ลงทะเบียน |
|
|
|
|
หลักสูตร รร.เตรียมทหาร 4 เหล่า |
|
|
|
คอร์ส ติวเข้มสอบเข้าเตรียมทหาร 4 เหล่า ปี 62 (32วัน) |
28,000 |
20 ก.พ.-23 มี.ค.62 |
สมัครออนไลน์ |
คอร์ส เตรียมสอบเหล่า ตร.+ทร.+ทบ. ปี 62 (16วัน) |
17,000 |
3-18 มี.ค.62 |
สมัครออนไลน์ |
คอร์ส เตรียมสอบเหล่า ตร+ทร.+ทบ.+ทอ. ปี 62 (21วัน) |
22,000 |
3-23 มี.ค.62 |
สมัครออนไลน์ |
เน้นเจาะข้อสอบ อาหาร3มือ มีที่พัก บริการซักผ้าฟรี พาไปสอบข้อเขียน มีพละช่วงเย็น 1600-1800 และวิชาการวันละ9ชม. มีติวสัมภาษณ์ |
|
|
|
|
|
|
|
หลักสูตร รร.จ่าอากาศ |
|
|
|
คอร์ส ติวก่อนสอบ รร.จ่าอากาศ ปี 62 (12 วัน) |
15,000 |
9-20 ก.พ.62 |
สมัครออนไลน์ |
คอร์ส ติวก่อนสอบ รร.จ่าอากาศ ปี 62 (5 วัน) |
7,000 |
16-20 ก.พ.62 |
สมัครออนไลน์ |
|
|
|
|
หลักสูตร รร.จ่าทหารเรือ |
|
|
|
คอร์ส ติวก่อนสอบ รร.จ่าทหารเรือ ปี 62 (13 วัน) |
16,000 |
24 ก.พ.-8 มี.ค.62 |
สมัครออนไลน์ |
คอร์ส ติวก่อนสอบ รร.จ่าทหารเรือ ปี 62 (7 วัน) |
9,000 |
2 - 8 มี.ค.62 |
สมัครออนไลน์ |
|
|
|
|
หลักสูตร รร.นายสิบทหารบก |
|
|
|
คอร์ส ติวก่อนสอบ รร.นายสิบทหารบก ปี 62 (15 วัน) |
18,500 |
2 - 16 ก.พ.62 |
สมัครออนไลน์ |
คอร์ส ติวก่อนสอบ รร.นายสิบทหารบก ปี 62 (8 วัน) |
10,500 |
9 - 16 ก.พ.62 |
สมัครออนไลน์ |
|
|
|
|
หลักสูตร รร.นายสิบ(แผนที่) |
|
|
|
คอร์ส ติวก่อนสอบ หลักสูตร รร.นายสิบ(แผนที่) ปี 62 (15 วัน) |
18,500 |
24 ก.พ.-10 มี.ค.62 |
สมัครออนไลน์ |
คอร์ส ติวก่อนสอบ หลักสูตร รร.นายสิบ(แผนที่) ปี 62 (9 วัน) |
10,500 |
2 - 10 มี.ค.62 |
สมัครออนไลน์ |
|
|
|
|
หลักสูตร ช่างฝีมือทหาร |
|
|
|
คอร์สติวก่อนสอบ ช่างฝีมือทหาร ปี 62
เรียนวัน เสาร์ - อาทิตย์ วันที่ 2 -3 , 9-10 , 16-17 , 23-24 ก.พ.62 และ 2-3 มี.ค.62
|
12,500
|
2 ก.พ. - 3 มี.ค.62
|
สมัครออนไลน์
|
หมายเหตุ ราคารวม อาหาร ที่พัก ซักผ้า และพาไปสอบข้อเขียน |
|
|
|
|
|
|
|
หลักสูตร นักเรียนช่างการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค |
|
|
|
คอร์ส ติวก่อนสอบ นักเรียนช่างการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ปี 62 หมายเหตุ ราคารวม อาหาร ที่พัก ซักผ้า และพาไปสอบข้อเขียน |
28,500 |
3 - 31 มี.ค.62 |
สมัครออนไลน์ |
คอร์สเตรียมความพร้อมล่วงหน้า ปี 62
ชื่อหลักสูตร |
ค่าใช้จ่าย |
ระยะเวลา |
ลงทะเบียน |
|
|
|
|
หลักสูตรปูพื้นฐาน (ป.6 ขึ้น ม.1 และ ม.1 ขึ้น ม.2) |
15,000 |
20 เม.ย. - 4 พ.ค.62 |
สมัครออนไลน์ |
หลักสูตรไฟฟ้าล่วงหน้า (ม.2 ขึ้น ม.3) |
15,000 |
20 เม.ย. - 4 พ.ค.62 |
สมัครออนไลน์ |
หลักสูตรเตรียมทหารล่วงหน้า (ม.3 ขึ้น ม.4 และ ม.4 ขึ้น ม.5) |
15,000 |
20 เม.ย. - 4 พ.ค.62 |
สมัครออนไลน์ |
หมายเหตุ ราคารวม อาหาร ที่พัก ซักผ้า |
|
|
|
อ่านรายละเอียดหลักสูตร
ชมบรรยากาศ